ประวัติความเป็นมาของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 จำกัด
ตามพระราชกฤษฎีกาการแบ่งส่วนราชการกรมตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2529 และคำสั่งกรมตำรวจที่ 1250/2529 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2529 เรื่องให้จัดตั้งกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 และคำสั่งดังกล่าว มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2529 เป็นต้นมา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2529 ฝ่ายอำนวยการ และข้าราชการตำรวจทั้งหมดได้เคลื่อนย้ายมาตั้งสำนักงานชั่วคราวที่ กองร้อย ตชด.ที่ 444 (ปัจจุบันเป็นกองร้อย ตชด.443) และข้าราชการตำรวจทั้งหมดก็เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 9 อยู่เช่นเดิม แต่จากแนวนโยบายของ บช.ตชด. ส่วนหนึ่งและแนวคิดของกำลังทั้งหมดในสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ส่วนหนึ่งต้องการจะให้มีการแบ่งแยกเพื่อให้มีเอกภาพในการบริหารของสหกรณ์ออมทรัพย์ที่แน่นอนเป็นตัวของตัวเอง
รายงานผลการปฏิบัติการดำเนินการของสหกรณ์
1. เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2530 จึงได้มีการประชุมของสมาชิกผู้ซึ่งจะดำเนินการจัดตั้ง ณ ห้องประชุมกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 (ชั่วคราว) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาขอ จดทะเบียนต่อนายทะเบียนสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการขอจัดตั้งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
1. ส่งเสริมให้สมาชิกออมทรัพย์ โดยการถือหุ้น และฝากเงินในสหกรณ์
2. ให้เงินกู้แก่สมาชิก เพื่อการอันจำเป็นหรือมีประโยชน์
2. ได้ขอจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 จำกัด โดยได้รับหนังสือจากนายทะเบียนสหกรณ์ตามหนังสือสำคัญที่ สทส.(อ) 181/2530 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2530 และเมื่อจดทะเบียนเรียบร้อยแล้วจะต้องกำหนดการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1 ภายใน 90 วัน
3. การประชุมคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2530
4. ดำเนินการรับสมัครบุคคลภายนอก เพื่อสอบคัดเลือกบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ
5. แต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จำนวน 3 นาย
ประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2531 เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสหกรณ์ชุดที่ 1 มีสมาชิกเข้าร่วมประชุม 233 นาย
สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 จำกัด ได้รับแบ่งทรัพย์สิน ทุนเรือนหุ้น ทุนสำรอง จากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจตระเวนชายแดนเขต 9 จำกัด ดังนี้
1. เงินสำรอง 1,300,000.-บาท
2. ทุนเรือนหุ้น 16,548,650.-บาท
3. ลูกหนี้เงินให้กู้ 17,466,900.-บาท
4. เงินสด 381,750.-บาท